1.1 ที่ตั้งของตำบล
ตำบลดูนสาด มีเนื้อที่ประมาณ ๖๓.๑๘ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๓๙,๔๘๗.๔๓ ไร่
อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอหนองกุงศรี ภูเค็ง อำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์
ทิศใต้ ติดต่อกับตำบลหนองโก อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น
ทิศตะวันออก ติดต่อกับตำบลหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์
ทิศตะวันตก ติดต่อกับตำบลบ้านฝาง ตำบลหัวนาคำ อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น
๑.๑ ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศขององค์การบริหารส่วนตำบลดูนสาดเป็นที่ดอน เป็นที่ราบสูง
๑.๒ ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพอากาศโดยทั่วไปมีสภาพอากาศแบ่งเป็นสามฤดู คือ ฤดูร้อน (กุมภาพันธ์ -พฤษภาคม) ฤดูฝน(พฤษภาคม – ตุลาคม) ฤดูหนาว(พฤศจิกายน – มกราคม)
๑.๓ ลักษณะของดิน
ดินในที่สูงและภูเขา เป็นดินเขตร้อนที่มีสีแดงเหลือง เนื้อดินหยาบจนถึงเป็นลูกรัง ชั้นดินบาง มีหินทราย หินกรวดหรือหินดินดาน
๑.๔ ลักษณะของแหล่งน้ำ
แหล่งน้ำธรรมชาติ
ลำห้วยสายบาตรเล็ก ไหลผ่าน หมู่ ๓ หมู่ ๙
ลำห้วยสายบาตรใหญ่ ไหลผ่าน หมู่ ๔ หมู่ ๗
ลำห้วยคลองชัย ไหลผ่าน หมู่ ๘
ลำห้วยทับย้อ ไหลผ่าน หมู่ ๓
แหล่งน้ำที่สร้างขึ้น
ประปาหมู่บ้าน มีจำนวน 8 แห่ง
๑.๕ ลักษณะของไม้/ป่าไม้
ลักษณะของไม้เป็นประเภท ป่าดิบแล้ง (Dry Evergreen Forest)
เป็นป่าที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มสลับดอนมีความชุ่มชื้นน้อย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๓๐๐ -๖๐๐ เมตร ไม้ที่สำคัญได้แก่ มะคาโมง ยางนา พยอม ตะเคียนแดง กระเบากลัก และตาเสือ
๒.๑ เขตการปกครอง แบ่งเป็น ๑๑ หมู่บ้าน
หมู่ที่ ๑ บ้านดูนสาด ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายศักดิ์ชาย บัวชม
หมู่ที่ ๒ บ้านโนนสวรรค์ ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายชูเกียรติ แสนพลี
หมู่ที่ ๓ บ้านตอประดู่ ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายสมหมาย ทาคำสี
หมู่ที่ ๔ บ้านนามูล ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายทิพพิชัย ชำกรม
หมู่ที่ ๕ บ้านทรัพย์สมบูรณ์ ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายบริสุทธิ์ นามจันทร์
หมู่ที่ ๖ บ้านตอประดู่ ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายลำพรรณ บุญเรือง
หมู่ที่ ๗ บ้านนามูล ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายนิรันดร อ่อนสาคร
หมู่ที่ ๘ บ้านคลองชัย ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายวิไล ละครศรี
หมู่ที่ ๙ บ้านภูถ้ำเม่น กำนันตำบลดูนสาดชื่อ นายมงกฏ เพ็ชรนอก
หมู่ที่ ๑๐ บ้านตอประดู่ ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายไสว กุดสังนอก
หมู่ที่ ๑๑ บ้านตอประดู่ ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายสำราญ สีคราม
๓.๑ ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนประชากร ตำบลดูนสาด
หมู่ที่ |
ชื่อหมู่บ้าน |
จำนวน(ครัวเรือน) |
หญิง |
ชาย |
รวม |
๑ |
บ้านดูนสาด |
๑๖๒ |
๓๐๒ |
๓๐๖ |
๖๐๘ |
๒ |
บ้านโนนสวรรค์ |
๒๒๙ |
๔๕๐ |
๔๐๙ |
๘๕๙ |
๓ |
บ้านตอประดู่ |
๒๓๐ |
๓๒๙ |
๓๒๒ |
๖๕๑ |
๔ |
บ้านนามูล |
๓๖๙ |
๕๘๒ |
๕๙๐ |
๑,๒๗๒ |
๕ |
บ้านทรัพย์สมบูรณ์ |
๑๖๖ |
๒๑๒ |
๒๑๓ |
๔๒๕ |
๖ |
บ้านตอประดู่ |
๒๓๐ |
๓๔๘ |
๔๐๔ |
๗๘๘ |
๗ |
บ้านนามูล |
๔๐๖ |
๗๕๘ |
๖๖๘ |
๑,๔๒๑ |
๘ |
บ้านคลองชัย |
๑๒๒ |
๑๕๘ |
๑๔๖ |
๓๐๔ |
๙ |
บ้านภูถ้ำเม่น |
๑๕๘ |
๓๐๔ |
๒๖๙ |
๕๗๓ |
๑๐ |
บ้านตอประดู่ |
๑๗๔ |
๒๖๖ |
๒๘๙ |
๕๕๕ |
๑๑ |
บ้านตอประดู่ |
๒๐๐ |
๔๐๑ |
๓๘๓ |
๗๘๔ |
๓.๒ ช่วงอายุและจำนวนประชากร
|
หญิง (คน) |
ชาย (คน) |
หมายเหตุ |
จำนวนประชากรเยาวชน |
๑๐๑๙ |
๙๘๗ |
อายุต่ำกว่า ๑๘ ปี |
จำนวนประชากร |
๒,๖๖๓ |
๒.๕๒๙ |
อายุ ๑๘-๖๐ ปี |
จำนวนประชากรผู้สูงอายุ |
๔๕๙ |
๔๑๖ |
อายุมากว่า ๖๐ ปี |
รวม |
๔,๐๔๑ |
๓,๙๙๘ |
ทั้งสิ้น ๘,๑๓๙ คน |
๔.๑ การศึกษา
มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ๑ แห่ง คือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านนามูล และโรงเรียน ๒ แห่ง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอนแก่น เขต ๔ คือ โรงเรียนนามูลวิทยาคม โรงเรียนชุมชนดูนสาด
ตารางเปรียบเทียบจำนวนนักเรียนในแต่ละปีการศึกษา
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านนามูล
(ข้อมูล ณ เดือน มิถุนายน ๒๕๖๓)
ปีการศึกษา ๒๕๖๓ |
|
ชาย |
หญิง |
๔๖ |
๔๔ |
รวม |
๙๐ |
ปัจจุบันมีบุคลากรดังนี้
๔.๒ การสาธารณสุข
๔.๒.๑ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดูนสาด ๑ แห่ง
การบริการด้านสาธารณสุข อาคารสถานที่ในการให้บริการ ยังไม่พอกับความต้องการของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ
๔.๒.๒ อัตราการมีและใช้ส้วมราดน้ำ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
๔.๓ อาชญากรรม
๔.๔ ยาเสพติด
๔.๕ การสังคมสงเคราะห์
๖.๑ การเกษตร
โดยสภาพทั่วไปของตำบลมีการผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ยางพารา พริก ยางพาราส่วนใหญ่ปลูกบนที่ดิน เนิน
๖.๒ การประมง -
๖.๓ การปศุสัตว์
ปศุสัตว์ เกษตรกรจะเลี้ยงไว้เพื่อบริโภค นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายบ้าง โดยทำเป็นอาชีพเสริม สัตว์ที่นิยมเลี้ยงแก่ โค กระบือ สุกร เป็ดและไก่ เป็นต้น
๖.๔ การบริการ
ธนาคาร ๐ ไม่มี
โรงแรม/รีสอร์ท ๒ แห่ง
ปั๊มน้ำมัน ๕ แห่ง
โรงผลิตน้ำ ๒ แห่ง
โรงสีข้าว ๗ แห่ง
โรงฆ่าสัตว์ ๑ แห่ง
ตลาด ๒ แห่ง
ร้านค้า ๗๐ แห่ง
๖.๕ การท่องเที่ยว
ตำบลดูนสาดมีแหล่งท่องเที่ยว ๑ แห่ง ได้แก่ ไร่สตรอเบอรี่ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๙ บ้านภูถ้ำเม่น
๖.๖ การอุตสาหกรรม
โรงผลิตน้ำ ๑ แห่ง
๖.๗ การพาณิชย์/กลุ่มอาชีพ
- กลุ่มงานอาชีพ มีดังนี้
กลุ่มเลี้ยงปลา หมู่ที่ ๑ หมู่ที่ ๕
กลุ่มสตรีเกษตร หมู่ที่ ๑
กลุ่มปลูกพริก หมู่ที่ ๒ หมู่ที่ ๖ หมู่ที่ ๗ หมู่ที่ ๙ หมู่ที่ ๑๐ หมู่ที่ ๑๑
กลุ่มเลี้ยงไก่พื้นบ้าน หมู่ที่ ๒
กลุ่มเลี้ยงเป็ดพันธ์เนื้อ หมู่ที่ ๓
กลุ่มเลี้ยงสุกร หมู่ที่ ๓
กลุ่มเลี้ยงปลาดุกและกบในครัวเรือน หมู่ที่ ๓
กลุ่มส่งเสริมการเลี้ยงโคนม หมู่ที่ ๕
กลุ่มสวนยางพารา หมู่ที่ ๕
กลุ่มปลูกอ้อย หมู่ที่ ๑๑
๖.๘ แรงงาน
การใช้แรงงานจะเน้นในการประกอบอาชีพภาคการเกษตรเป็นหลักไม่ว่าจะทำเองหรือรับจ้างกรีดยาง และใช้แรงงานในด้านอื่น ๆ
๗.๑ การนับถือศาสนา นับถือศาสนาพุทธ
วัด ๑๓ แห่ง
วัดเสาวคนธ์วราราม ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๑ บ้านดูนสาด
วัดกลางสามัคคีธรรม ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๒ บ้านโนนสวรรค์ หมู่ที่ ๖ ,๑๐ บ้านตอประดู่
วัดใหม่ดงมูลวราราม ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๓ ,๑๑ บ้านตอประดู่
วัดนามูลพุทธาวาส ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๔ ,๗ บ้านนามูล
วัดบุญประเสริฐอุดมธรรม ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๕ บ้านทรัพย์สมบูรณ์
วัดคลองชัยพุทธาวาส ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๘ บ้านคลองชัย
วัดเทพนิมิตรวราราม ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๙ บ้านภูถ้ำเม่น
วัดถ้ำน้ำรินทร์ ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๙ บ้านภูถ้ำเม่น
วัดบารมีธรรม ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๙ บ้านภูถ้ำเม่น
วัดถ้ำม่วงธรรมสิริ ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๓ บ้านตอประดู่
วัดป่าภูน้ำป๊อก ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๘ บ้านคลองชัย
วัดป่าภูสวรรค์ ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๘ บ้านคลองชัย
วัดภูเขาน้อยรุ่งเรืองธรรม ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๘ บ้านคลองชัย
๗.๒ ประเพณีและงานประจำปี
วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสานที่ดำรงชีพอยู่ในสังคมเกษตรกรรม ตามสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่แห้งแล้งกันดารนั้น ในความเชื่อต่อการดำเนินชีวิตที่มีความผาสุกและเจริญรุ่งเรืองเกิดขึ้นแก่ครอบครัวและบ้านเมืองก็ต้องมีการประกอบพิธีกรรม มีการเซ่นสรวงบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และร่วมทำบุญตามประเพณีทางพุทธศาสนาด้วยทุกๆเดือนในรอบปีนั้นมีการจัดงานบุญพื้นบ้านประเพณีพื้นเมืองกันเป็นประจำ จึงได้ถือเป็นประเพณี ๑๒ เดือนเรียกกันว่า ฮีตสิบสอง ถือกันว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาถึงปัจจุบัน คติความเชื่อในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เกี่ยวพันกับการเกษตรกรรม เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจต่อการดำรงชีวิต ชาวอีสานจึงมีงานบุญพื้นบ้านมากมายจนได้ชื่อว่าเป็นภูมิภาคที่มีงานประเพณีพื้นบ้านมากที่สุดในประเทศ ฮีตสิบสองเดือนหรือประเพณีสิบสองเดือนนั้น ชาวอีสานร่วมกันประกอบพิธีนับแต่ต้นปี คือ
เดือนอ้าย หรือเดือนเจียง งานบุญเข้ากรรม มีงานบุญดอกผ้า (นำผ้าห่มหนาวไปถวายสงฆ์) ประเพณีเส็งกลอง ทำลานตี(ลานนวดข้าว)ทำปลาแดก (ทำปลาร้าไว้เป็นอาหาร) เกี่ยวข้าวในนา เล่นว่าว ชักว่าวธนู นิมนต์พระสงฆ์เข้าประวาสกรรม ตามประเพณีนั้นมีการทำบุญทางศาสนา เพื่ออนิสงค์ทดแทนบุญคุณต่อบรรพบุรุษ ชาวบ้านเลี้ยงผีแถน ผีบรรพบุรุษ มีการตระเตรียมเก็บสะสมข้าวปลาอาหารไว้กินในยามแล้ง เดือนยี่ งานบุญคูนลาน ทำบุญที่วัด พระสงฆ์เทศน์เรื่องแม่โพสพ ทำพิธีปลงข้าวในลอมและฟาดข้าวในลาน ขนข้าวเปลือกขึ้นเล้า (ยุ้งฉาง) นับเป็นความเชื่อในการบำรุงขวัญและสิริมงคลทางเกษตรกรรม มีทั้งทำบุญที่วัดและบางครั้งทำบุญที่ลานนวดข้าว เมื่อขนข้าวใส่ยุ้งแล้วมักไปทำบุญที่วัด เดือนสาม บุญข้าวจี่ มีพิธีเลี้ยงลาตาแฮก (พระภูมินา) เพราะขนข้าวขึ้นยุ้งแล้ว งานเอิ้นขวัญข้าวหรือกู่ขวัญข้าว เพ็ญเดือนสามทำบุญข้าวจี่ตอนเย็นทำมาฆบูชา ลงเข็นฝ้ายหาหลัวฟืน (ไม้เชื้อเพลิงลำไม้ไผ่ตายหลัว กิ่งไม้แห้ง-ฟืน) ตามประเพณีหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวใส่ยุ้งแล้ว มีการทำบุญเซ่นสรวงบูชาเจ้าที่นา ซึ่งชาวอีสานเรียกว่าตาแฮก และทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้ผีปู่ย่าตายาย อันเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยการทำข้าวจี่ (ข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนสอดไส้น้ำตาลหรือน้ำอ้อยชุบไข่ปิ้งจนเหลือง) นำไปถวายพระพร้อมอาหารคาวหวานอื่นๆ เดือนสี่ บุญพระเวส (อ่านออกเสียงพระ-เหวด) มีงานบุญพระเวส (ฟังเทศน์มหาชาติ) แห่พระอุปคุตตั้งศาลเพียงตา ทำบุญแจกข้าวอุทิศให้ผู้ตาย (บุญเปตพลี) ประเพณีเทศน์มหาชาติเหมือนกับประเพณีภาคอื่นๆ ด้วย เป็นงานบุญทางพุทธศาสนาที่ถือปฏิบัติทำบุญถวายภัตตาหารแล้วตอนบ่ายฟังเทศน์ เรื่องเวสสันดรชาดก ตามประเพณีวัดติดต่อกัน ๒-๓ วันแล้วแต่กำหนดในช่วงที่จัดงานมีการแห่พระอุปคุตเพื่อขอให้บันดาลให้ฝนตกด้วย เดือนห้า บุญสรงน้ำ หรือเทศกาลสงกรานต์ ชาวอีสานเรียกกันว่า สังขานต์ ตามประเพณีจัดงานสงกรานต์นั้น บางแห่งจัดกัน ๓ วัน บางแห่ง ๗ วัน แล้วแต่กำหนดมีการทำบุญถวายภัตตาหารคาวหวาน หรือถวายจังหันเช้า-เพลตลอดเทศกาล ตอนบ่ายมีสรงน้ำพระ รดน้ำผู้ใหญ่ผู้เฒ่าก่อเจดีย์ทราย เดือนหก บุญบั้งไฟ บางแห่งเรียก บุญวิสาขบูชา มีงานบุญบั้งไฟ (บุญขอฝน) บุญวิสาขบูชา วันเพ็ญเดือนหก เกือบตลอดเดือนหกนี้ ชาวอีสานจัดงานบุญบั้งไฟ จัดวันใดแล้วแต่คณะกรรมการหมู่บ้านกำหนดถือเป็นการทำบุญบูชาแถน (เทวดา) เพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลและความอุดมสมบูรณ์ของข้าวปลาอาหารในปีต่อไปครั้นวันเพ็ญหก เป็นงานบุญวิสาขบูชาประเพณีสำคัญทางพุทธศาสนา มีการทำบุญฟังเทศน์และเวียนเทียนเพื่อผลแห่งอานิสงส์ในภพหน้า เดือนเจ็ด บุญชำฮะ มีพิธีเลี้ยงตาแฮก ปู่ตา หลักเมือง งานบุญเบิกบ้านเบิกเมือง งานเข้านาคเพื่อบวชนาค คติความเชื่อหลังจากหว่านข้าวกล้าดำนาเสร็จ มีการทำพิธีเซ่นสรวงเจ้าที่นา เพื่อความเป็นสิริมงคลให้ข้าวกล้าในนางอกงาม บ้านที่กุลบุตรมีงานอุปสบททดแทนบุญคุณบิดามารดาและเตรียมเข้ากรรมในพรรษา
เดือนแปด งานบุญเข้าพรรษา มีพิธีหล่อเทียนพรรษางานบุญเทศกาลเข้าพรรษา แต่ละหมู่บ้านช่วยกันหล่อเทียนพรรษา ประดับให้สวยงาม จัดขบวนแห่เพื่อนนำไปถวายเป็นพุทธบูชา มีการทำบุญถวายภัตตาหาร เครื่องไทยทานและผ้าอาบน้ำฝน เพื่อพระสงฆ์จะได้นำไปใช้ตลอดเทศกาลเข้าพรรษา เดือนเก้า บุญข้าวประดับดิน จัดงานวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ นับแต่เช้ามืด ชาวบ้านจัดอาหารคาวหวาน หมากพลูบุหรี่ใส่กระทงเล็กๆ นำไปวางไว้ตามลานบ้าน ใต้ต้นไม้ ข้างพระอุโบสถ เพื่อเป็นการให้ทานแก่เปรตหรือวิญญาณที่ตกทุกข์ได้ยากตอนสายมีการทำบุญที่วัด ฟังเทศน์เป็นอานิสงส์ เดือนสิบ บุญข้าวสาก ข้าวสากหมายถึงการกวนกระยาสารท คล้ายงานบุญสลากภัตในภาคกลาง จัดงานวันเพ็ญเดือน ๑๐ นำสำรับคาวหวานพร้อมกับข้าวสาก(กระยาสารท) ไปทำบุญที่วัดถวายผ้าอาบน้ำฝนและเครื่องไทยทาน แต่ก่อนที่จะถวายนั้นจะทำสลากติดไว้ พระสงฆ์องค์ใดจับสลากใดได้ก็รับถวายจากเจ้าของสำรับนั้น ตอนบ่ายฟังเทศน์เป็นอานิสงส์ เดือนสิบเอ็ด บุญออกพรรษา มีพิธีถวายผ้าห่มหนาวในวันเพ็ญ มีงานบุญตักบาตรเทโว พิธีกวนข้าวทิพย์ นับเป็นช่วงที่จัดงานใหญ่กันเกือบตลอดเดือน นับแต่วันเพ็ญ มีการถวายผ้าห่มหนาวแต่พระพุทธพระสงฆ์ วันแรม ๑ ค่ำ งานบุญตักบาตรเทโว ตอนเย็นวันขึ้น ๑๔ ค่ำ มีพิธีกวนข้าวทิพย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา มีทั้งงานบุญกุศลและสนุกสนานรื่นเริง เดือนสิบสอง บุญกฐิน ทำบุญข้าวเม่าพิธีถวายกฐินเมื่อถึงวันเพ็ญจัดทำข้าวเม่า(ข้าวใหม่)นำไปถวายพระ พร้อมสำรับคาวหวานขึ้นตอนบ่ายฟ้งเทศน์เป็นอานิสงส์จัด พิธีทอดกฐินตามวัดที่ จองกฐินไว้ งานบุญในฮีตสิบสองนั้น ตามหมู่ที่เคร่งประเพณียังคงจัดกันอย่างครบถ้วนบางแห่งจัดเฉพาะงานบุญใหญ่ๆตามแต่คณะกรรมการหมู่บ้านร่วมกันจัด บางแห่งเป็นงานใหญ่ประจำปี งานบุญแห่เทียนพรรษา
๗.๓ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภาษาถิ่น
ภูมิปัญญาชาวบ้าน หมายถึง ความรู้ของชาวบ้าน ซึ่งเรียนรู้มาจากปู่ ย่า ตา ยาย ญาติพี่น้อง และความเฉลียวฉลาดของแต่ละคน หรือผู้มีความรู้ในหมู่บ้านในท้องถิ่นต่าง ๆ ภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นเรื่องการทำมาหากิน เช่น การจับปลา การจับสัตว์ การปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ การทอผ้า การทำเครื่องมือการเกษตร
ภาษาไทยถิ่นอีสาน หรือภาษาลาวอีสานเป็นภาษาท้องถิ่นที่ใช้พูดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยเป็นภาษาลาวที่ใช้เป็นภาษาลาวเวียงจันทร์
๗.๔ สินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก
ผ้าไหม เสื่อลายขิด ไม้กวาด กระติ๊บข้าวเหนียว เครื่องจักสาน ฯลฯ
© Copyright 2567-2568, All Rights Reserved